การศึกษาตลอดชีวิต

เมื่อ“อายุ” และ “อาชีพ” ไม่ใช่อุปสรรคในการเรียนอีกต่อไป

หากพูดถึงการศึกษาในมหาวิทยาลัยแล้ว หลายคนอาจเข้าใจว่าจำเป็นจะต้องเป็นนักศึกษาเท่านั้นที่สามารถเข้าเรียนได้ ดังนั้น “อายุ” และ “อาชีพ” จึงนับเป็นอุปสรรคหนึ่งในการเรียนในระบบ แม้ในประเทศไทยจะมีการเปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาภาคพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือเรียนภาคค่ำ แต่ก็ยังถูกจำกัดไว้เฉพาะในระดับปริญญาเท่านั้น รวมถึงจะต้องเรียนให้ครบตามหลักสูตรของสาขาวิชานั้นอีกด้วย ดังนั้นการศึกษาแบบนี้จึงมีไว้เฉพาะผู้ที่ต้องการวุฒิการศึกษา แต่ไม่สะดวกที่จะเข้าเรียนในช่วงเวลาราชการหรือมีเหตุผลจำเป็นอื่น ๆ แต่จะดีกว่าไหม หากเราสามารถเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่เราสนใจ เรียนเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือเพื่อเพิ่มพูนทักษะที่มีอยู่ โดยที่ไม่จำเป็นว่าเราจะอายุเท่าไหร่ ประกอบอาชีพอะไร หรือมีคุณสมบัติเพียงพอต่อการศึกษานั้นหรือไม่

เปิดมิติใหม่ทางการศึกษา เพื่อการเรียนรู้สำหรับคนทุกช่วงวัย

ล่าสุด ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เปิดตัว “วิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต CMU School of Lifelong Education” เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในหลายมิติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี โครงสร้างประชากร และทักษะที่จำเป็นในปัจจุบัน ซึ่งระบบการศึกษาในอดีตอาจไม่ตอบโจทย์ในการสร้างทักษะเหล่านี้ได้เพียงพอ โดยมีวัตถุประสงค์ในการเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาตลอดชีวิตในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมประชากรให้เกิดการพัฒนาศักยภาพตลอดช่วงชีวิต

วิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต CMU School of Lifelong Education จึงนับเป็นการเพิ่มโอกาสทางด้านการศึกษาในทุกช่วงวัยที่แท้จริง โดยมีแนวคิดที่ว่า การศึกษาที่ไม่จำกัดแค่การเป็นนักศึกษา เพราะทุกคนคือ “ผู้เรียน” เพื่อให้ได้พัฒนาทักษะและความรู้ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพียงมีความต้องการ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

1. “อยากเรียนก่อน”
เปิดให้สำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนเพื่อปูพื้นฐานและสะสมหน่วยกิตไว้ก่อนเพื่อเทียบโอนเข้าสู่ระบบ เมื่อมีสถานะเป็นนักศึกษาของทางมหาวิทยาลัย
2. “อยากเรียนเพิ่ม”
เปิดให้สำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะ (Upskill) เสริมความรู้และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ หรือเรียนวิชาในระดับบัณฑิตศึกษาเพื่อสะสมหน่วยกิตในการเรียนต่อระดับปริญญาบัตรในอนาคต
3. “อยากเรียนอีก”
เหมาะสำหรับวัยทำงาน ศิษย์เก่า หรือผู้สูงอายุที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะ (Upskill) หรือปรับเปลี่ยนทักษะ (Reskill) ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันในด้านต่าง ๆ และสามารถเก็บสะสมหน่วยกิตไว้เพื่อการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท

การศึกษาตลอดชีวิต

ทั้งนี้ ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะตนเองได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการเรียนร่วมกับนักศึกษาระดับปริญญาในรายวิชาที่มีการเปิดการเรียนการสอนอยู่แล้ว หรือการอบรมหลักสูตรระยะสั้น ระยะยาว รวมถึงการเรียนผ่านช่องทางออนไลน์ได้ โดยนักศึกษาระดับปริญญาสามารถเก็บหน่วยกิตสะสมสำหรับการศึกษาในระดับปริญญาตรีและบัณทิตศึกษาในอนาคตได้ นอกจากนี้ทางวิทยาลัยฯ ยังได้เปิดหลักสูตรรับรองสมรรถนะในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ ด้านธุรกิจ ด้านการเกษตร โดยผู้เรียนจะได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองสมรรถนะตามหลักสูตรที่เรียน เพื่อนำไปต่อยอดในการทำงานรวมถึงการเก็บหน่วยกิตสะสมสำหรับการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกได้ในอนาคต

การเปลี่ยนแปลงจาก 3-Stage Life สู่ Multistage Life

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานเปิดโครงการจัดตั้งวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิตในเรื่อง “การศึกษาตลอดชีวิตเพื่อการยกระดับการพัฒนาประเทศสู่อนาคต” ว่าในอดีตมนุษย์เราใช้ชีวิตกันแบบ 3 ขั้น คือ การศึกษา (Learning) > การทำงาน (Working) > การใช้ชีวิตหลังเกษียณ (Living) แต่ในปัจจุบันเมื่อมนุษย์เรามีอายุยืนขึ้น ทำให้เราต้องทำงานมากขึ้นเพราะต้องใช้เงินในการเลี้ยงดูตนเอง ดังนั้นวงจรการใช้ชีวิตจึงเปลี่ยนไปเป็น การศึกษา (Learning) > การทำงาน (Working) และเมื่อเกษียณอายุการทำงาน เรายังคงจำเป็นที่จะต้องวนกลับมาการศึกษาอีกครั้ง เพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรทัดฐานทางสังคม จากเดิมที่คนในแต่ละเจเนอเรชันต่างคนต่างทำงานและใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง แต่อีกไม่นานสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องของการผสมผสานข้ามรุ่นของคนต่างวัย (Intergeneration) ที่ทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน และเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ดังนั้นทางวิทยาลัยฯ นับเป็นหมุดสำคัญในการรับมือกับการเกิดขึ้นของชุมชนใหม่ คือ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน ชุมชนแห่งการทำงานร่วมกัน และชุมชนแห่งการอยู่อาศัยร่วมกันของคนต่างวัยนั่นเอง

การที่บริบทของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การดำเนินชีวิต ธุรกิจ หรือการงานของทุกคนเปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นการเตรียมความพร้อมโดยการสะสมคลังความรู้ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการ Upskill หรือ Reskill จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นสำหรับทุกคนในการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในอนาคต

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ flashdetective.com

Releated